‘เพราะความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน’ (Yagate Kimi ni Naru) โดย Chaska

*บทความนี้มีสปอย*

‘ความรักคืออะไรกันนะ?’นี่คือสิ่งที่ตัวเอกของเรื่องอย่าง โคอิโตะ ยู สงสัยมาตลอดเช่นเดียวกับผมตัวผู้เขียนเอง ขอเท้าความก่อนนะครับว่าก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่นิยมอ่านมังงะหรือดูอนิเมะแนวโรแมนติกเท่าไหร่ เพราะความรักที่ผมรู้จักคือธรรมชาติของเพศชายและหญิงที่ชอบกันเพราะ หน้าตา นิสัย ความต้องการทางเพศ แค่นั้นและคิดว่า ‘ในชีวิตจริงไม่เห็นจะเหมือนแบบการ์ตูนเลย’ ผมจึงไม่รู้สึกสนใจหรือสนุกกับการอ่านเท่าไหร่ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วผมอยากลองอ่านอะไรใหม่ๆบ้างนอกจากแนว  Shounen และตอนนั้นเองที่ผมอยากลองเปิดใจให้แนวโรแมนติกดูบ้าง แต่จะทำอย่างไรให้ตัวเองสนใจ? ผมจึงตั้งคำถามว่า ‘คนรักร่วมเพศนั้นเขารักกันเพราะอะไรนะ?’ หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเริ่มหาหนังสือแนว Yuri หรือหญิงรักหญิงอ่าน โดยสาเหตุที่เลือกแนวนี้แทน Yaoi เพราะผมอยากมองผ่านมุมมองของเพศตรงข้ามมากกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงอคติและไม่รู้สึกว่าต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ และผมชอบตัวละครหญิงมากกว่าครับ(ฮา) ซึ่งผมก็ไปสะดุดตากับเรื่องหนึ่งเข้านั่นก็คือ สุดท้ายก็คือเธอ หรือ Yagate Kimi ni Naru ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า ‘ก็มีแต่ผู้หญิงกุ๊งกิ๊งกันล่ะมั้ง’ โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนมุมมองผมต่อ มังงะแนว Yuri และคุณค่าของมังงะอื่นๆที่ถูกซ่อนไว้ และที่สำคัญความหมายของคำว่า ‘รัก’ ไปตลอดกาล

 

 

พล็อตเรื่อง

เริ่มเรื่องหนังสือได้แนะนำ โคอิโตะ ยู ตัวเอกของเรื่องที่รู้สึกชินชากับความรักเพราะเธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร และการพบรุ่นพี่ นานามิ โทโกะ จะทำให้เธอเปลี่ยนไปตลอดกาล ในช่วงแรกๆประมาณเล่ม 1-2 การดำเนินเรื่องนั้นดูปกติเหมือนมังงะแนว Yuri ทั่วไป ซึ่งดำเนินไปอย่างช้าๆ จนกระทั่ง [สปอย] รุ่นพี่นานามิ โทโกะ ได้จูบและบอกชอบ โคอิโตะ ยู [จบสปอย]ในตอนนั้นผมคิดว่า ‘แล้วเรื่องจะนำเสนออะไรต่อ?’ ซึ่งสิ่งที่ผู้เขียนอย่างอาจารย์ นิโอะ จะนำเสนอหลังจากนี้ผมให้คำจำกัดความได้ว่า ‘นี่แหละที่ทำให้ สุดท้ายก็คือเธอ แตกต่างจากมังงะแนว Yuri และ Romance เรื่องอื่นๆ’

 

 

ตัวละคร

สำหรับผมนี่คือส่วนที่ทำให้ สุดท้ายก็คือเธอ แตกต่างจากเรื่องอื่น นั่นก็คือ Character Development ของตัวละครต่างๆในเรื่องที่ให้ความรู้สึกเหมือนมนุษย์จริงๆ ทุกๆตัวละครต่างมีปัญหาเป็นของตัวเอง ซึ่งการเจอกันของพวกเขาจะทำให้แต่ละคนนั้นค่อยๆเติบโตขึ้น คราวนี้มาดูตัวละครหลักกันดีกว่า ว่าแต่ละคนมี Character Development อย่างไรบ้าง

 

โคอิโตะ ยู

เด็กสาวผู้ไม่รู้จักความรัก ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ความสัมพันธ์กับรุ่นพี่นานามิ โทโกะนั้นไม่ราบรื่นอย่างที่คิด ต่อให้ทั้งสองคนจะชอบกันขนาดไหนก็ตาม การเติบโตของตัวละคร ยู นั้นจะผูกกับพล็อตเรื่องโดยตรงซึ่งก็คือการพยายามเข้าใจความรักในแบบของเธอเอง [สปอย] ในตอนที่ 39 นั้น ยู เกือบจะยอมแพ้เพราะคิดว่าถูก โทโกะปฏิเสธคำสารภาพ และคิดว่าตัวเองไม่สามารถความรักได้ เป็นคนประเภทเดียวกับเพื่อนของเธอ มากิ แต่ มากิ เตือนสติว่า เขากับเธอนั้นไม่เหมือนกัน มากินั้นชอบดูคนอื่นรักกันมากกว่า แต่ ยู นั้นมีความสามารถมากพอที่จะเข้าใจความรักได้ สิ่งนั้นได้ทำให้ ยู เลือกที่จะลองเข้าใจความรักอีกครั้ง[จบสปอย]

 

นานามิ โทโกะ

เด็กสาวผู้ที่ภายนอกนั้นดูสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง แต่ภายใต้หน้ากากนั้นเธอได้ซ่อนความลับไว้มากมาย โทโกะนั้นพยายามเป็นเหมือนพี่ของเธอที่ได้เสียชีวิตไป โดยมีแค่คนเดียวที่รู้เรื่องนี้คือ ยู ซึ่งเธอและเพื่อนๆจึงพยายามช่วย โทโกะ ค้นหาความเป็นตัวเองที่แท้จริง [สปอย]ในเล่มที่ 6 การแสดงละครเวทีนั้นช่วยให้ โทโกะ เริ่มเข้าใจว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นสำคัญกว่าการเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น[จบสปอย] นอกจากนี้เธอยังกลัวการถูกรัก นั่นเป็นสาเหตุที่ โทโกะ ชอบในตัว ยู เพราะ ยู นั้นรักใครไม่เป็น และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่นั้นมีเป้าหมายที่ขัดแย้งกัน ในขณะที่ ยู อยากเข้าใจความรัก แต่ โทโกะ กลับปฏิเสธคำนั้น

 

 

 

ซาเอกิ ซายากะ

เพื่อนสนิทของ โทโกะ และเธอก็แอบชอบโทโกะอยู่ด้วย นี้คือตัวละครที่ผมชอบมากที่สุด ไม่ใช่เพราะเธอน่ารักอย่างเดียว(ฮา) แต่เธอยังให้ความรู้สึกเหมือนมนุษย์มากที่สุดและน่าสงสารที่สุดในเรื่องเลยก็ว่าได้ ซายากะ นั้นเคยมีอดีตอันเลวร้ายเกี่ยวกับความรักสมัย ม.ต้น จนกระทั่ง การได้มาเจอ โทโกะ เธอจึงรู้สึกอยากมีความรักอีกครั้งแต่จะทำอย่างไรเพื่อก้าวข้ามความกลัวเหล่านั้นไปได้? [สปอย]ในตอนที่ 37 ซายากะได้รวบรวมความกล้าและสารภาพรัก โทโกะ ถึงแม้จะถูกปฏิเสธ แต่ ซายากะ ได้ก้าวข้ามความกลัวของตัวเองสำเร็จและเติบโตขึ้นแล้ว [จบสปอย] ตัวละครนี้แสดงให้เราเห็นว่าต่อให้คนๆหนึ่งเข้าใจความรักก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะราบรื่นเสมอไป ซายากะ นั้นคือตัวละครที่ผมคิดว่าน่าจะให้ความรู้สึกใกล้เคียงคนอ่านมากที่สุด การมีความรักไม่ใช่เรื่องที่ผิด การผิดหวังเองก็เช่นกัน การเดินต่อไปคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

สรุป

ในท้ายหนังสือเล่มที่ 8 อาจารย์ นิโอะ นากาทานิ ได้กล่าวไว้ว่า ‘ถ้าผลงานของเธอได้ช่วยให้คนอื่นได้สร้างสรรค์ผลงานเธอคงจะมีความสุขมากๆ สิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องเป็น ภาพ เพลง งานเขียน ขอแค่มีเศษเสี้ยวของเรื่องนี้ในความคิด การกระทำ คำพูดก็พอแล้ว’ ซึ่งสามารถพูดได้เต็มปากว่าเธอประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังจากที่ผมอ่านเรื่องนี้จบ ผมยอมรับว่ารู้สึกอ้างว้างไปเลย 2 เดือนเต็มๆ ผมรู้สึกว่าอยากได้แบบนี้อีก ต้องการมากกว่านี้ และเรื่อง สุดท้ายก็คือเธอ ช่วยเปลี่ยนมุมมองผมต่อเรื่องอื่นๆอีกด้วย ผมไม่สามารถอ่านหรือดูโดยไม่คิดถึงข้อความที่ผู้เขียนอยากจะสื่อได้อีก เพราะผมคิดว่าคุณค่าของเรื่องต่างๆนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่การเติบโตของตัวละครและสิ่งที่ผู้เขียนจะสื่อผ่านตัวละครหรือเหตุการณ์ต่างๆนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน

สุดท้ายก็คือเธอ คือผลงานระดับขึ้นหิ้ง ต่อให้คุณไม่ใช่แฟนมังงะแนว Yuri ผมก็ยังแนะนำให้อ่านอยู่ดีและผมรับประกันเลยว่ามุมมองของคุณต่อแนว Yuri และความรักจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน