
เมื่อสาวงามถูกตีตราเป็นหมูในคราบมนุษย์ ดังนั้นโอตาคุหนุ่มจึงกลายเป็นหมูเพื่อช่วยสาวงามในคราบหมูเพราะเป็นหมูด้วยกันเอง
‘ไม่มีชนชาติใดถูกประณามว่าไร้มนุษยธรรม เพียงเพราะไม่ให้สิทธิมนุษยชนแก่หมู
เช่นนั้นหากเรานิยามใครซักคนที่เป็นลูกหลานของจอมเวทย์ ว่าเป็นหมูในคราบมนุษย์
การกักขัง ข่มเหง หรือสังหารพวกเขาอย่างทารุณ จึงไม่ถือว่าไร้มนุษยธรรมแต่อย่างใด
ดังนั้นแล้วผู้ที่จักช่วยเหลือหมูด้วยกันได้ จึงมีเพียงแค่หมูด้วยกันเอง’
---ดัดแปลงจากบันทึกความทรงจำของวลาดิเลน่า มิรีเซ่ ขออุทิศให้แด่เหล่าเยสม่า ผู้ล่วงลับทั้งหลายหลังยุคมืด
*บทความนี้มีสปอย*
นี่เป็นรีวิวที่เขียนขึ้นหลังอ่านนิยายเรื่อง ‘ถ้ามีเธออยู่เป็นหมูก็ไม่เลวนะครับ’ โดยเรื่องราวในเรื่องกล่าวถึง พ่อหนุ่มโอตาคุคนหนึ่งที่สอบผ่านแล้วเพื่อนอิจฉาก็เลยถูกกกลุ่มเพื่อนบังคับให้กินตับดิบแล้วท้องเสียหมดสติไปจนมาอยู่ในร่างของหมูที่ต่างโลก หากเป็นนิยายทั่วๆไปไม่ว่าใครก็คงคาดหวังว่าตัวเอกจะเกิดเป็นลูกขุนนางเทพทรู ไม่ก็ตัวประกอบสู้ชีวิตที่ไล่ตบเกรียนพวกพระเอกหน้าจืดในตอนท้าย ทว่า มันกลับไม่ใช่สำหรับเรื่องนี้ที่พระเอกได้มาเกิดใหม่กลายเป็นหมู และหมูที่ว่าก็เป็นเพียงหมูธรรมดาๆไม่ได้มีพลังวิเศษอะไร ซ้ำร้ายตัวเอกก็เป็นเพียงตัวประกอบตัวหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของนางเอกและต้องลาจากจากเธอไปในซักวันเพียงเท่านั้น กระนั้นแล้ว เรื่องราวที่ดูจะน่าเบื่อกลับต้องเต็มไปด้วยการผจญภัยอันแสนตื่นเต้นและปวดร้าว เมื่อโลกที่พระเอกมาอยู่ดันเป็นโลกของเวทมนต์หลังสงครามครั้งใหญ่ที่จอมเวทย์ในทวีปถูกกวาดล้างไปเกือบหมดจนเหลือแต่เพียงราชวงศ์ ในขณะที่นางเอกกลับเป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้เวทมนต์ได้ซึ่งถูกเรียกว่า ‘เยสม่า’
เยสม่า คือเผ่าพันธุ์พิเศษที่มีเพียงเพศหญิงและสามารถใช้หินเวทย์สีดำรวมถึงมีพลังในการอ่านใจได้ ทว่า เยสม่าทุกคนจะถูกใส่ปลอกคอและบังคับให้เป็นทาสตั้งแต่เกิด และยามใดที่อายุเกิน 16 เยสม่าตนนั้นจะหลุดจากการคุ้มครองทางกฎหมายและเหลือทางเลือกเพียงสองทาง
- หนึ่ง คือมุ่งหน้าไปสู่เมืองหลวงและไม่กลับออกมาอีก โดยไม่รู้ว่าหากไปถึงเมืองหลวงแล้วจะเป็นตายร้ายดียังไง
- สอง คือปลอมตัวปะปนอยู่ในฝูงชนและรอคอยให้นักล่าเยสม่ามาสังหารตนในซักวัน เพราะปลอกคอของเยสม่าเป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่มีราคาแพง แถมเยสม่าแต่ล่ะคนก็เป็นสาวงามที่ไม่ถูกจัดว่าเป็นมนุษย์ จะกระทำการย่ำยีโหดร้ายเพียงใด ก็ไม่มีกฎหมายใดๆสามารถเอาความได้
ไม่ว่าหนทางใดก็แทบจะเรียกว่ามีป้ายหลุมศพปักรออยู่ข้างหน้า ทว่า ทางที่เด็กสาวและหมูอ้วนก้าวเดินก็คือเส้นทางที่โหดร้าย แม้จะมีความหวังในการรอดแสนริบหรี่ก็ตาม
‘เจส’ สาวน้อยจิตใจดีงามที่ปราถนาให้ใครซักคนมาร่วมเดินทางและอยู่เคียงข้างตนจนถึงวันที่วาระสุดท้ายจะมาถึง เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาเธอนั้นต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด
‘คุณหมู’ หนุ่มโอตาคุสายวิทย์ที่ได้สัมผัสความใจดีของเด็กสาวเป็นครั้งแรก เพราะชีวิตที่ผ่านมาของตนเต็มไปด้วยผู้คนที่สาปส่งและอิจฉาในตัวเองที่ประสบความสำเร็จ จนในท้ายที่สุดจิตมุ่งร้ายของพวกเขาก็ทำให้พระเอกของเราต้องกลายมาเป็นหมูในโลกแห่งนี้
เมื่อหนึ่งคนและหนึ่งตัวที่ปรารถนาความอบอุ่นอ่อนโยนของใครซักคนมาโดยตลอดได้มาพบกัน แม้เผ่าพันธ์จะแตกต่าง แต่ความสัมพันธ์ที่ก่อร่างขึ้นของทั้งสองกลับก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างไปได้แม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่าความรัก เพราะต่างคนต่างปรารถนาให้อีกฝ่ายมีความสุข แม้ในปลายทางที่สิ้นสุดลงตนเองจะกลายเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำของคนๆนั้นจากรักที่ไม่สมหวังก็ตาม
พวกเธอทั้งสองได้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนานานัปการ ทั้งฝ่าฟันเหล่านักล่าที่ดาหน้ากันเข้ามา และการพบเจอเด็กหนุ่มผู้แสนดีซึ่งสูญเสียสิ่งสำคัญ รวมไปถึงการลาจากของเด็กสาวผู้มีจิตใจงดงามไม่แพ้ใครก็ตามบนโลกอีกคน ซึ่งสิ่งต่างๆทั้งมวลได้ก่อร่างขึ้นเป็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองที่ไม่สามารถมีใครมาแทรกกลางได้
ในส่วนของเนื้อเรื่องถือว่ามีการวางพล็อตที่ละเอียดและลึกซึ้ง เพราะตัวเอกเป็นเพียงแค่หมูธรรมดา การต่อสู้กับเหล่านักล่าจึงต้องอาศัยไหวพริบจากการสังเกตุเหตุการณ์ต่างๆเล็กๆน้อยที่สอดแทรกอยู่ระหว่างการเดินทาง จนมาขมวดเป็นปมในช่วงท้ายที่เฉลยทุกอย่างและทำให้รู้ว่า เรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นทุกเรื่องล้วนมีความสำคัญซึ่งนำไปสู่บทสรุปในตอนท้ายพร้อมกับการปูบทไปสู่มหากาพย์การผจญครั้งใหญ่ที่รุนแรงถึงขั้นพลิกประวัติศาสตร์ของทวีปได้เลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบนิยายแนวที่พระเอกเน้นใช้สมองและช่างสังเกต เรื่องนี้เป็นหนึ่งเรื่องที่ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาด
ในขณะที่ภาษาและการแปลก็ลื่นไหลไร้ขอติ แทบจะหาจุดผิดไม่ได้ ใช้คำได้รวบรัดกระชับอ่านง่าย แสดงจุดเด่นของไลท์โนเวลที่หมายถึงนิยายเล่มเล็กพกพาที่อ่านได้ทุกเพศทุกวัยได้เป็นอย่างดี ส่วนภาพประกอบก็ได้นักวาดชั้นแนวหน้าอย่าง Asagi Tohsaka ผู้ฝากผลงานไว้ในเรื่อง Girly Air force รวมถึงนิยายที่กำลังจะได้เป็นอนิเมะอย่าง จอมมารเกิดใหม่ วิทยาลัยผู้พิทักษ์ อีกด้วย ดังนั้นทั้งดีไซน์ตัวละคร การลงสี ตัดเส้น และ แรเงา ก็แทบจะเรียกว่าคุ้มค่ากับค่าหนังสือเล่มนี้เป็นที่เรียบร้อย พอรวมเข้ากับเนื้อหาที่เข้มข้นก็แทบจะเรียกว่าซื้อหนึ่งแถมหนึ่งเลยทีเดียว
นอกจากนี้ด้วยความที่เยสม่าในเรื่องคือตัวตนที่สามารถอ่านใจคนเราได้ ดังนั้นทุกการบรรยายที่อยู่ในเรื่อง ไม่ว่าจะความงามของนางเอก หรือ แม้กระทั่งความคิดแสบๆต่างๆที่ตามปกติแล้วมีเพียงแค่คนอ่านรับรู้ แม้แต่ตัวนางเอกก็จะรับรู้ไปด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นวิธีการเขียนที่ทำได้ยากมากๆ เพราะจะต้องตระหนักทุกครั้งที่เพิ่มตัวอักษรลงในหน้ากระดาษว่านางเอกที่อยู่ในเรื่องจะพลอยได้ยินความคิดของตัวเอกไปด้วยได้ ซึ่งการตบมุขของนางเอกในตอนที่รู้ว่าผู้อ่านได้ยินว่าคุณหมูคิดอะไรในใจ มันก็ช่างลงล็อคได้จังหวะเป็นอย่างดี แม้ไม่ใช่นักอ่านที่ชอบแนวนี้ แต่สำหรับนักเขียนด้วยกันเองก็ขอแนะนำว่า นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอีกเรื่องที่ควรหาอ่านซักครั้งเพื่อเรียนทักษะการเขียนที่ต้องใช้ฝีมือมากพอสมควร
ยิ่งไปกว่านั้นมุมมองของผู้คนในเรื่องนี้ก็ช่างคล้ายกับเหล่า eighty six ในนิยายชื่อดังที่กลายเป็นอนิเมะทีวีไม่นานนี้ เพราะพวกเขาก็มองเยสม่าว่าเป็นพียงแค่เผ่าทาสที่ไม่มีสิทธิมนุษยชนเหมือนกับพวกตน จนอดคิดไม่ได้ว่าการหล่อหลอมของประวัติศาสตร์ที่ทำให้จิตใจของผู้คนบิดเบี้ยวถึงเพียงนี้มันช่างน่ากลัวซ่ะเหลือเกิน
ในขณะที่ความรู้สึกที่ผู้เขียนได้สื่อผ่านนิยายเรื่องนี้ก็สามาระเข้าใจได้อย่างชัดแจ้งในตอนที่เปิดไปถึงหน้าปัจฉิมลิขิต
โลกใบนี้แม้จะเต็มไปด้วยความโหดร้าย แต่ก็ยังคงมีสิ่งดีงามซึ่งควรค่าที่จะปกป้องอยู่เสมอ ทว่า โลกใบนี้ก็ไม่เคยเมตตาปราณีให้ดอกไม้อันงดงามได้เบ่งบาน ตัวเราที่เป็นคนนอกจึงมีเพียงตัวเลือกแค่สองทาง ---
- หนึ่ง คือ ปล่อยผ่านให้ดอกไม้ต้นนั้นเหี่ยวเฉาและใช้ชีวิตอันบิดเบี้ยวต่อไปตามปกติ
- สอง คือ โยนชีวิตอันปกติสุขที่บิดเบี้ยวนั้นไปซ่ะ !!! และ จงปกป้องสิ่งสวยงามของโลกใบนี้เอาไว้ !!!
นั่นก็คงเป็นความปรารถนาของผู้เขียนในตอนท้ายรวมถึงพระเอกของเรื่องที่อยากจะส่งผ่านเจตนาแห่งความหวังนี้ให้กับผู้อ่านได้ระลึกว่า แม้มือของเราจะเล็กเกินกว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ทั้งใบ แต่หากตั้งใจล่ะก็การจะเปลี่ยนแปลงโลกของสาวน้อยที่ใจดีคนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินมือเล็กๆสีชมพูคู่นี้แต่อย่างใด
และที่สำคัญอีกอย่างการให้พระเอกเกิดใหม่เป็นหมู นั่นก็คงเป็นนัยยะที่ผู้เขียนต้องการส่งสารให้กับพวกเรา
เหตุผลที่เยสม่าฟังภาษาหมูรู้เรื่องก็เพราะเยสม่ามีค่าไม่ต่างจากหมูในคราบคน และบนโลกอันแสนโหดร้ายนี้ก็มีเพียงแค่หมูเท่านั้นที่ช่วยเหลือหมูด้วยกันเองได้ เฉกเช่นกับสังคมมนุษย์ในปัจจุบันที่ใครเล่าจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ นอกเสียจากมนุษย์ด้วยกันเอง
ในท้ายที่สุดนี้ สิ่งที่ได้รับจากการอ่านนิยายเรื่องนี้ก็คงเป็นความรู้สึกตื้นตันและฮึกเหิมที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษร ราวกับว่าตัวเราได้ขึ้นไปบนรถไฟเหาะที่หวาดเสียวและต้องเสียน้ำตาไประหว่างทางยามเพื่อนรักที่นั่งเบาะข้างๆกระเด็นหลุดออกจากรถไฟเหาะ กระนั้นแล้วมันก็ยังแฝงด้วยความสนุกอบอุ่นหัวใจตอนที่ได้เห็นพระเอกนางเอกจูงมือกันบนรถไฟเหาะเที่ยวสู่นรก ซึ่งพอรอดไปได้ถึงปลายทางก็ขยี้ความหวังอีกครั้งด้วยรถไฟเหาะที่ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กระนั้นแล้วพวกเธอทั้งสองคนก็ยังยืนอยู่ข้างหน้าอย่างสง่างาม โดยที่เบื้องหน้ามีรถไฟเหาะอีกเครื่องที่คราวนี้วิ่งวนไปทั้งประเทศและมีระยะทางที่ไกลออกไปจนมองไม่เห็นปลายทาง ความรู้สึกตื้นตันตอนที่รู้ความหวังยังคงเหลืออยู่ และการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่กว่านี้กำลังรอคอยพวกเราอยู่ มันช่างเป็นความตื้นตันที่ทำเอาอยากจะกดดันสำนักพิมพ์ให้รีบออกเล่มใหม่เร็วๆนี้ผ่านการรีวิวในครั้งนี้กันเลยทีเดียว
เช่นนั้นแล้ว นิยายเรื่องนี้จึงเป็นนิยายอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ก็เป็นอันว่าขอฝากรีวิวนิยายดีๆเรื่องหนึ่งไว้เท่านี้ละกันครับ
ถ้ามีเธออยู่ เป็นหมูก็ไม่เลวนะครับ วางจำหน่ายแล้ว 3 เล่ม
ทดลองอ่านและสั่งซื้อสินค้าได้ คลิกที่นี่!