Kuroiwa Medaka is proof against my cuteness ภารกิจตกนายผู้ละทิ้งกิเลสของสาวป๊อป
By KornSweet
“นี้คือโรงละครของโมนะ โดยโมนะ เพื่อโมนะ”
-รัน คุเสะ ผู้แต่งและผู้วาด-
*บทความนี้มีสปอย*
23 ธันวาคม พ.ศ.2563 นั้นคือวันแรกที่เรื่องได้ถ่ายทอดออกเป็นการ์ตูน one shot ของอาจากรัน คุเสะลงในนิตยสาร weekly shōnen หลังจากได้ปิดซีรี่ย์มังงะแนว triller/mystery อย่าง Tokyo babel ร่วมกับผู้แต่งเรื่องโซระ คาริน ก่อนที่จะได้กลายเป็นซีรี่ย์เรื่องยาวลงให้กับนิตยสารเดิมในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ.2564 และเริ่มการร่วมเล่มครั้งแรกในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2564 ในเวลานี้ทางญี่ปุ่นได้ปล่อยมังงะออกมาเป็นจำนวน 5 เล่มเป็นที่เรียบร้อย
เรื่องย่อ
คาวาอิ โมนะ สาวป๊อปสุดน่ารักมาตั้งแต่เด็ก ผู้เป็นที่หมายตาทั้งจากผู้ชายและผู้หญิงในโรงเรียนจนมีบรรดาแฟนคมากมายในโรงเรียนแต่แล้วทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อเธอได้พบกับ คุโรอิวะ เมดากะ นักเรียนชายที่เพิ่งย้ายใหม่เข้ามา เขาคือผู้ชายที่แปลกไปจากคนอื่นๆนั้นก็คือ เขาไม่เคยสะทกสะท้านกับความน่ารักของโมนะเลย ก็นั้นแหละ โมนะ สาวสุดสวยสุดป๊อปกลับต้องมาเจอกับคนที่ไม่สนใจเธอเลย เมื่อเป็นแบบนั้นโมนะจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เธอจึงได้สู้สุดตัว งัดไม้เด็ดทุกอย่างเพื่อตกเมดากะให้ได้ โดยหารู้ไม่ว่า…นั้นคือจุดเริ่มต้นของ love comedy ระหว่าง สาวป๊อป x หนุ่มผู้ไม่สนใจความน่ารัก
รีวิว
Love comedy school life แนวยอดนิยมของบรรดาวัยรุ่นมัธยมและวัยผู้ใหญ่ แน่นอนว่าถ้ามาสายนี้จะมีอะไรที่พิเศษพอที่จะทำให้คนสนใจและติดเรื่องนี้ยาวๆ พื่อไม่ถูกตัดจบเร็วเหมือนกับที่อาจารย์รัน คุเสะเคยเจอในเรื่อง Tokyo babel แล้วเรื่องนี้มีอะไรที่พิเศษพอให้คนสนใจล่ะ ผมจะแบ่งออกเป็นข้อๆละกัน
- เนื้อเรื่อง
- จากคำเปรยของอาจารย์รัน คุเสะที่ได้บอกไว้ในหนังสือ (สองเล่มในตอนนี้) ว่า “นี้คือโรงละครของโมนะ โดยโมนะ เพื่อโมนะ” ทำให้เรารู้ได้ว่านี้คือการดำเนินเรื่องผ่านสายตาของนางเอกของเราอย่าง คาวาอิ โมนะ สาวสุดป๊อปนั้นทำให้เราได้รับรู้ความรู้สึกของนางเอกได้ดีทั้งการได้เป็นสาวป๊อปของโรงเรียนและการได้เจอกับผู้ไม่สนใจความน่ารักของตนอย่าง คุโรอิวะ เมดากะ ถือได้ว่าเป็น conflict เรื่องนี้ที่ดูจะแน่นอีกด้วย [สปอย] จากตอนที่ 1 ของมังงะ เรื่องได้รับการเฉลยว่าตัวของตัวเมดากะนั้นเป็นลูกของเจ้าอาวาสวัด ( ในญี่ปุ่น พระบางนิยายสามารถมีครอบครัวได้) ทำให้เขาได้รับคำสอนอย่างการไม่สนิทสนมกับเด็กผู้หญิง จึงทำให้เขาต้องเมินความน่ารักของโมนะ [สปอย] และนั้นจึงนำไปสู่การงัดวิธีต่างๆของโมนะที่จะตกเมดากะให้หลงสน่ของนางให้ได้ การใช้ point of view ของโมนะถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากเพราะการได้รู้เรื่องราวภายในใจของตัวนางเอกที่ค่อยๆเปลี่ยนไปทำให้ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงและความโก๊ะของเธอ ตัวพระเอกอย่าง เมดากะ เองก็ถือว่าเป็นตัวละครที่มีมิติเช่นกันเพราะตัวของเขาเองนั้นก็ไม่ได้เป็นคนที่ตายด้านความรู้สึกแต่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น [สปอย] ตัวของเมดากะเองก็ชอบความน่ารักโมนะไม่ต่างจากคนอื่นๆในห้องเช่นกันแต่เพราะทางบ้านนั้นมีพ่อเป็นเจ้าอาวาสจึงต้องฝึกเก็บอาการของตัวเอง [สปอย] ผมจึงนิยามว่าเป็น “ซึนเดระโดยจำเป็น” ซึนเดระที่ไม่ได้น่ารำคาญเลยแถมออกจะน่าสงสารด้วยซ้ำ (ฮา) เพราะเหตุผลที่บอกไม่ได้ของเมดากะทำให้โมนะเข้าใจผิดว่าเป็นคนตายด้านจนต้องงัดทุกวิธีการในตกเมดากะมาหลงนางให้ได้ซึ่งเป็นกำไรความสนุกของเราเองด้วย อ้อ อย่างที่เราเห็น นี้คือ love comedy ที่มี background หลักคือโรงเรียนมัธยมปลาย นั้นก็แปลว่าเราจะได้เจอบรรดาตัวละครเพื่อนร่วมห้องที่เข้ามาสร้างสีสันให้ในเรื่องนี้ด้วย อย่างตัวละครเพื่อนชายของมาเดกะ 2 คนที่คอยเป็นคนตบมุกการกระทำของเมดากะและเพื่อนผู้หญิงของโมนะ [สปอย] เธอคือฮารุโนะ สึโบนิ แฟนคลับของโมนะที่ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นศัตรูหัวใจของโมนะก่อนที่จะรู้ความจริงภายหลัง [สปอย] ที่คอยเป็นคนช่วยโมนะ ซึ่งเพื่อนๆร่วมห้องเหล่านี้ได้ช่วยให้เนื้อเรื่องมีชีวิตชีวามากขึ้นไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะตัวละครแค่สองคนเท่านั้น และผมขอบอกเกริ่นไว้สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มสอง ในเวลานี้อาจารย์ได้หยอดตัวละครใหม่เข้ามาในเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังเป็นตัวละครที่จะเพิ่ม conflict ภายในเรื่องให้มีมากขึ้นและยากขึ้นสำหรับโมนะอีกด้วย
- งานภาพ
- หลังจากที่ผมได้อ่านเรื่อง Tokyo babel แล้วกลับมาอ่านเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดขึ้นมาในหัวว่า“อาจารย์มาสายนี้ผมว่ารุ่งแน่นอน” เพราะผมต้องยอมรับว่าลายเส้นของอาจารย์รัน คุเสะนั้นสวยงามและอ่านง่ายมากๆด้วย ทำให้ผมสามารถสนุกกับเนื้อหาได้ด้วย การออกแบบตัวละครของอาจารย์นั้นเรียกได้ว่าตรงสเปคตามที่เนื้อหาที่จะสื่อเลยไม่ว่าจะเป็นสาวป๊อปผมทองยาวสุดสวยของโรงเรียนอย่างโมนะ และนายหน้าตายแถมยังออกทรงนักเลงทั้งๆที่ทำไปเพราะเรื่องทางบ้านอย่างเมดากะ ที่ผมแอบตลกคือหน้าของเมดากะนั้นดันไปคล้ายกับตัวละครที่อาจารย์เคยวาดไว้ในเรื่อง Tokyo babel และนิสัยคือคนละขั้วกันเลย [สปอย] ในดราฟแรกของเมดากะนั้นได้ออกแบบไว้นั้น หนึ่งในแบบร่างมีการใช้ลักษณะของตัวเอกของ Tokyo babel มาเป็นแบบด้วย จนสุดท้ายการเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบปัจจุบันซึ่งกลายเป็นว่าหน้าคล้ายตัวละครสมทบของ Tokyo babel ที่เป็นสายตลกและแอบหื่นเล็กน้อยด้วย [สปอย] กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า นอกจากเรื่องตัวละครพระนางแล้ว บรรดาเพื่อนๆร่วมห้องเองก็ออกได้น่าสนใจด้วย และที่สำคัญคือในเวลาที่ต้องแสดงอาการอารมณ์แบบสุดนั้นก็ใส่เข้ามาสุดแบบจริงๆ (ถึงไม่เท่าเรื่องสาย comedy สุดทางแต่ก็พอหอมปากหอมคออยู่นะ) และที่อาจารย์ชอบวาดในเรื่องนี้คือการ close up เข้าหน้าของตัวละครนั้นๆ อาจารย์ก็ได้วาดสื่ออารมณ์ได้อย่างชัดเจนทำให้คนอ่านเข้าใจ
- เรื่องจิปาถะ
- อันนี้จะเป็นการพูดถึงเรื่องอื่นๆภานในมังงะเรื่องนี้ love comedy นั้นย่อมมีองค์ประกอบที่มีเข้ามาให้หอมปากหอมคอนั้นก็คือ Fan service นั้นเอง สำหรับเรื่องนี้นั้นย่อมหนีไม่พ้นข้อนี้ด้วย สำหรับความเห็นของผมนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้มี fan service ที่พอประมาณ ไม่มากเกินไปจนคนเบื่อ แถมบางส่วนใหญ่มากจากแผนการตกของโมนะ (เล่นจนเจ้าตัวยังบอกเองว่าตัวเองก็เล่นเปลืองตัวในบางครั้งเลย) ซึ่งนั้นก็ดีแล้วเพราะถือได้ว่าเป็น plot device ของตัวโมนะเองในการดำเนินเรื่องด้วยและยังเป็นการชงมุกเพื่อส่งให้เมดากะนั้นเอาไปตบมุกต่อด้วย
แล้วเรื่องนี้เหมาะกับใครหล่ะ ?
เรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านชอบอ่านเรื่องแนวย่อยง่าย สนุกดี เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เล่นท่ายากในการเล่าเรื่องเลยทำให้ตามได้ง่าย และคนที่ชอบ love comedy ที่ดำเนินเรื่องภายในโรงเรียนที่ได้เห็นวัยรุ่นมัธยมปลายได้แสดงออกมาสไตล์วัยรุ่นกำลังโตโดยที่ไม่ได้มีดราม่าให้ตับพังอีกด้วย
สรุป
Kuroiwa Medaka is proof against my cuteness หรือชื่อไทยอย่าง คุโรอิวะ เมดากะไม่เข้าใจความน่ารักของฉันเลย เป็นมังงะ love comedy ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก ที่อ่านได้อย่างเพลิดเพลินได้ง่าย ไม่ต้อง-
กลัวราม่าให้ตับพังเล่นแถมยังมีงานภาพที่สวยงามและอ่านง่ายอีกด้วยทำให้ เหมาะสำหรับนักอ่านมังงะสาย love comedy ที่อยากจะเปิดใจเรื่องใหม่เข้าไปในชั้นหนังสือของตัวเอง หากใครสนใจเรื่องนี้ บอกได้เลยว่า ซื้อเหอะครับ ถือว่าผมขอ
ข้อเสนอแนะของตัวเอง : เพราะตัวของผมเองนั้น จากที่ได้เคยอ่าน sket dance นั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า โมนะ และ ฮิเมโกะ นั้นเป็นคนโอซาก้าด้วยกัน ทำให้ผมคิดเล่นๆว่าอยากจะให้มีโอกาสที่โมนะได้พูดภาษาถิ่นของตัวเองด้วยการ localization ไทย เป็นการเว้าอีสาน หรืออู้เหนือ ถ้าเป็นไปได้นะครับ เพราะจะได้เห็นความเป็นคนจากถื่นอื่นมาอาศัยในโตเกียวด้วย (ซึ่งน่าจะยากแต่ถ้าทำได้ผมจะขอบคุณมากๆครับ)
เพราะฉะนั้นแล้วผมขอจบการรีวิวมังงะเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ สำหรับใครที่สนใจ ในตอนนี้เล่มสองได้ปล่อยกันให้ได้ซื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และฝั่งทางญี่ปุ่นเองเนื้อเรื่องก็กำลังสนุกกันอยู่ด้วย เพราะงั้นใครสนใจเรื่องนี้สามารถหาซื้อได้ในร้านหนังสือชั้นนำและเว็บไซต์ phoenixnext.com ได้เลยครับผม สุดท้ายนี้ผมอยากจะได้ว่า …… เรือโมนะนั้นสวยครับ ขอบคุณครับ